โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าที่ทำจากหนัง หรือผ้าใบ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี หลังจากนั้น หนังของรองเท้าจะเริ่มเสื่อม กาวเริ่มหมดคุณภาพ จึงถึงเวลาปลดระวางรองเท้าคู่เก่ากัน ทว่ารองเท้าหลายคู่กลับมีอายุการใช้งานสั้นกว่านั้น เนื่องมาจากการเก็บรักษา หรือทำความสะอาดไม่ถูกวิธีนั่นเอง งั้น...เรามาเรียนรู้วิธีเพื่อรักษารองเท้าคู่โปรดให้อยู่คู่เท้าเรากันให้นานที่สุดดีกว่า -> กรรมวิธีทำความสะอาด :: หนังกลับเลี่ยงน้ำ ห้ามฮาร์ดคอร์ขัดถูแรง | ||||
ห้ามขัดหรือถูพื้นผิวของรองเท้าแรงๆ เพราะจะทำให้เสียลักษณะของหนัง เมื่อรองเท้าสะอาดแล้วให้ใช้สเปรย์ที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำแบบไร้สี หรือสเปรย์ที่มีสีเดียวกับรองเท้าฉีดให้ทั่วเพื่อรักษาคุณสมบัติของหนังไว้ พวกหนังกลับ จะดูแลยากมาก เมื่อใส่รองเท้าขับรถ ปัญหาที่พบบ่อยก็คือ ส้นรองเท้า กับหน้ารองเท้าจะดำ และตัวหนังกลับทำความสะอาดยากมาก เช่นเดียวกับหนังแกะ ซึ่งจะคล้ายกับหนังกลับ ตรงที่มีความนิ่มอยู่ในตัว ถ้าลงน้ำยาทำความสะอาดไม่ดี สีก็จะหลุด หนังแกะเป็นสีที่หลุดง่ายที่สุดในบรรดาหนังทุกชนิด สำหรับการดูแลเบื้องต้น เมื่อเกิดคราบเปื้อนเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นหนังแกะ อาจเอาผ้าชุบน้ำอุ่นไม่ต้องลงน้ำยา เช็ดบางๆ คราบสกปรกก็จะหลุดอยู่แล้ว แต่ต้องใช้น้ำอุ่นเท่านั้น เพราะน้ำเย็นจะทำลายสี ส่วนหนังกลับ แนะนำเบื้องต้นว่า ให้หลีกเลี่ยงน้ำ อย่าไปลุยน้ำจังๆ หากฝนตก ให้เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะจะดีกว่า เพราะหนังกลับเขาดูแลรักษายากจริงๆ :: หนังวัวทำความสะอาดง่าย แต่ระวังยับย่น | ||||
ทว่าแม้จะทำความสะอาดง่าย แต่มักเกิดรอยยับรอยย่นขึ้นกับรองเท้าหนังวัว ถ้าจะลบรอยด้วยตัวเอง ให้หาฟองน้ำนุ่มเนื้อละเอียด เช่น ฟองน้ำสำหรับเกลี่ยรองพื้น มาลงน้ำยาสำหรับหนังชนิดนั้นๆ แล้วหมุนวนไปช้าๆ เบาๆ ก็จะช่วยลดรอยเบื้องต้นได้ แต่ข้อสำคัญคือ ฟองน้ำต้องนิ่มมาก และเวลาทำต้องใจเย็นค่อยทำ :: หนังแก้ว ห้ามวางติดรองเท้าคู่อื่น ระวังเปลี่ยนสี! | ||||
ทว่าการดูแลรักษาความสะอาดก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับหนังวัว แต่ต้องใส่ใจให้มากในเรื่องการเก็บรักษา หนังแก้วจะมีการดูดสีง่ายที่สุด หนังแก้วกับพลาสติก วางใกล้กันเมื่อไหร่ สีจะดูดเข้าไป กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำสีใหม่ ซึ่งการทำสีหนังแก้ว ก็จะมีราคาสูงกว่าการทำสีแบบอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องเข้มงวดกับการเก็บรักษา ที่สำคัญ อย่าวางรองเท้าหนังแก้ว ติดกับรองเท้าคู่อื่นๆ ถ้าต้องวางรวมกับคู่อื่น ก็ควรเอากระดาษห่อรองเท้าหนังแก้วไว้ รวมถึงไม่ควรเก็บลงกล่องรองเท้าที่อับ ไม่มีการระบาย เพราะจะยิ่งทำให้รองเท้าประเภทนี้อับ บวม และสามารถเปลี่ยนสีได้ง่าย :: ผ้าใบห้ามใช้ขันตักราด ตากแดดแรงเหลือง! รองเท้าที่ดูแลเองได้ง่ายที่สุดคือวัสดุ "ผ้า" เพราะมันง่ายต่อการซักด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องระวังเรื่องของการเปลี่ยนสี โดยเฉพาะรองเท้าสีขาว ที่อาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ การห่อกระดาษทิชชู่ขณะตาก ก็จะช่วยลดอัตราการเปลี่ยนสีรองเท้าจากสีขาวเป็นสีเหลืองได้ | ||||
ส่วนกรรมวิธีการซักรองเท้าผ้า ให้เอาสบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็กผสมน้ำแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ถ้าจะใช้เป็นผงซักฟอก ก็ต้องผสมน้ำเยอะๆ และสิ่งสำคัญคือ แปรงที่ใช้ขัด คนชอบเข้าใจว่า ยิ่งแปรงหัวแข็งเท่าไหร่ ยิ่งเอาความสกปรกออกได้เยอะเท่านั้น จริงๆ มันจะส่งผลให้ด้ายรัน เกิดเป็นรอยถลอกได้ แปรงที่ใช้ขัด ควรเป็นแปรงสีฟันหัวนิ่มๆ ค่อยๆ ทำ เพราะการขัดรองเท้าต้องใจเย็น ถ้าใจร้อนรองเท้ามันจะถลอก และน้ำอาจจะเยิ้มจนกาวที่ขอบออกมาโดนเนื้อผ้า และที่สำคัญคือ ไม่ควรตักน้ำราดลงบนรองเท้าเด็ดขาด ให้ค่อยๆ แปรงทีละนิด เช่น ตักน้ำมา 1 ขันเอาแปรงสีฟันจุ่มน้ำสบู่ แล้วค่อยๆ ถูไปทีละนิด นอกจากนี้ ยังควรสังเกตดูด้วยว่า หากเป็นด้ายคนละสีก็ต้องทำความสะอาดทีละส่วน เช่น หากมีขอบด้ายสีดำ ก็ต้องเว้นขอบสีดำนั้นไว้ก่อน อย่าแปรงรวมกัน ไม่อย่างนั้นสีดำอาจจะไปติดด้ายสีขาว สุดท้าย การตากให้แห้ง ไม่แนะนำให้ตากแดดแรง หลายคนเข้าใจว่าตากแดดแรง เพื่อลดกลิ่น แต่ความจริงคือ มันจะทำให้รองเท้าเหลือง ที่แนะนำคือ ควรตากแดดอ่อนๆ เท่านั้น ส่วนพื้นรองเท้า สามารซักเองได้ที่บ้าน โดยงัดพื้นออกมาทำความสะอาดได้เลย และสามารถตากแดดแรงได้ เพราะแม้สีจะซีดไปบ้าง ก็ไม่มีผลต่อการมองเห็นอยู่แล้ว ดังนั้นก็สามารถตากแดดลดกลิ่นได้เต็มที่ ในส่วนของพื้นรองเท้า :: รองเท้าพลาสติก แค่เช็ดถูก็สวยปิ้งใหม่เว่อร์ หน้าฝนลื่นปรี๊ด ถนนหนทางเฉอะแฉะขนาดนี้ จะมามัวสวมใส่รองเท้าหนังส้นเข็มสูง 3 นิ้ว ไม่ไหวแล้วล่ะค่า ช่วงนี้นำรองเท้าวัสดุผ้า-หนัง ไปเก็บเข้ากรุไว้ก่อน เพราะข้อดีของเจ้ารองเท้าพลาสติกนั้นเหมาะกับหน้าฝนสุดฤทธิ์ ยึดติดเกาะพื้น ไม่ลื่นหกล้มอายชาวบ้าน รองเท้าพลาสติกที่วางขายอยู่นั้น จะเห็นได้ว่าพื้นรองเท้าทำลวดลายลึก ชัดเจน รับรองปัญหาส้น หรือพื้นรองเท้าสึกเร็วไม่เกิดขึ้นแน่ ทนทานหายห่วง หากต้องใส่เดินย่ำน้ำในวันฝนตก ไร้ปัญหาหกล้มหัวทิ่มชัวร์จ้า | ||||
ส่วนในวันฝนพรำยามลุยน้ำลุยฝนเสร็จ ควรผึ่งรองเท้าพลาสติกให้แห้งก่อนเพื่อสุขภาพเท้าที่ดี ไร้เชื้อรา ทว่าการเก็บรักษารองเท้าให้คงรูปทรงสวยงามอยู่ตลอดนั้น ด้วยความเป็นวัสดุพลาสติก แน่นอนต้องอ่อน นิ่ม จึงเสียรูปทรงง่าย ควรเก็บไว้ในกล่องรองเท้าจะดีที่สุด -> วิธีเก็บรักษา :: เก็บในกล่องกระดาษเจาะรู ห้ามกล่องพลาสติก | ||||
อ้อ! ที่สำคัญ ไม่ควรเก็บรองเท้าในกล่องพลาสติก ที่ไม่มีรูระบายอากาศ หลายคนเข้าใจว่า กล่องพลาสติกเหมาะกับการเก็บรองเท้าเพราะจะได้เห็นหน้าตารองเท้าสะดวกแก่การหยิบใส่ให้เข้าชุดสวย ทว่ากล่องพลาสติกไม่เหมาะกับการเก็บทั้งรองเท้าหนังและรองเท้าผ้า เพราะมันจะดูดความร้อน พอดูดความร้อนเข้ามา รองเท้าก็จะอับชื้นอยู่ในกล่อง ดังนั้นหากจะใช้กล่องพลาสติกมาใส่รองเท้า ก็ต้องเจาะรูเพื่อให้สามารถระบายอากาศได้ เรามีวิธีช่วยคุณเลือกรองเท้าด้วยภาพถ่ายในกรณีสาวบ้ารองเท้าซื้อไว้เต็มบ้าน แนะนำให้ถ่ายรูปรองเท้าเป็นรูปเล็กๆ แล้วปิดไว้ข้างกล่อง คุณจะดูรู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน การเก็บแบบนี้มันจะทำให้เราดูแลรองเท้าได้ง่ายขึ้น ทั้งทรงรองเท้า และสีรองเท้า :: เก็บรองเท้าหลังรถ คอนเฟิร์ม! เสียทุกคู่ คุณเคยจอดรถไว้กลางแดดเปรี้ยงและต้องรีบขับรถกลับบ้านบ้างมั้ย คุณจะรู้ว่านรกมีจริง เพราะมันร้อนสุดๆ ผิวแทบไหม้ ต้องรีบเปิดแอร์ ลดกระจกลดลงไล่อุณหภูมิร้อนให้ไว! แล้วรองเท้าหลังรถคุณล่ะ ไม่สงสารบ้างเหรอไง ผู้หญิงหลายคนมักเอารองเท้ากีฬาไว้ท้ายรถ หรือไม่ก็รองเท้าส้นสูง ส้นเตี้ย เต็มหลังรถไปหมด เพราะเน้นสะดวกเข้าว่า...ก็แนะนำว่าอย่าทำอย่างนั้น หากไปฟิตเนส (fitness) ก็ให้เช่าตู้ล็อกเกอร์ไว้ดีกว่า อย่าทิ้งรองเท้าไว้หลังรถ เพราะหากวางรองเท้าไว้หลังรถจะพัง เสียของ พื้นรองเท้าละลาย ยางละลาย สีกลายเป็นสีเหลือง เพราะความร้อนระอุนั่นเอง :: เช็ดสิ่งสกปรก-ผึ่งรองเท้าให้แห้งก่อนเก็บเสมอ | ||||
ดังนั้นก่อนจะเก็บรองเท้าเข้าตู้ หรือแม้แต่ขึ้นรถ ควรนำขี้ฝุ่น หรือเช็ดให้สิ่งสกปรกคราบโคลนออกเสียก่อน เพื่อในวันรุ่งขึ้นจะได้ทำความสะอาดคราบสกปรกนั้นได้ง่ายขึ้นไงล่ะ และเมื่อรองเท้าโดนฝน หรือเพิ่งลุยน้ำมา ควรผึ่งให้แห้งก่อนเสมอ คนส่วนมากชอบเข้าใจว่า เอายัดเข้าตู้เก็บรองเท้าไปก็ได้ ซึ่งการทำแบบนั้น เชื้อราจะขึ้น และเวลาเชื้อราขึ้น มันจะขึ้นติดรองเท้าคู่อื่นไปด้วย ดังนั้นแนะนำให้ตากรองเท้าข้างนอกก่อน ยังไม่ต้องรีบเอาเข้าตู้ หรือหากชื้นมากก็ควร ตากแดดอ่อนๆ อาจเป่าด้วยลมเย็นของไดร์เป่าผมก็ได้ แต่ห้ามเป่าด้วยลมร้อน ถ้าเป็นลมร้อนเป่า หนังรองเท้าจะเหี่ยวได้ :: ยัดกระดาษปลายรองเท้า รักษารูปทรง เวลาเก็บรองเท้า ควรจะยัดกระดาษสีขาว ไว้ที่ปลายรองเท้าเพื่อรักษาทรงรองเท้า และไม่ควรใช้เป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ เพราะสีหมึกอาจซึมลงในรองเท้าได้ :: ใส่แผ่นกันรองเท้ากัด | ||||
:: ใส่ถุงถ่านในรองเท้า ดับกลิ่น หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ โดยเฉพาะผู้ชาย แต่ผู้หญิงบางนางก็ใช่ย่อย กลิ่นแรงไม่แพ้กัน บางคนถอดรองเท้ามาที กลิ่นโชยราวหนูตายท้องกลม วิธีแก้เบื้องต้น ให้นำถุงเล็กๆ คล้ายถุงชา บรรจุถ่านไม้สีดำ บดละเอียดใส่เข้าไปในรองเท้า เพื่อให้ดูดกลิ่นอับในรองเท้า |
รักษารองเท้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น